Odoo คืออะไร ?
Odoo
Odoo ERP คือระบบซอฟต์แวร์จัดการทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning: ERP) ที่ได้รับความนิยมและมีความยืดหยุ่นสูง โดย Odoo เป็นซอฟต์แวร์แบบ Open Source ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้สามารถปรับแต่งและพัฒนาระบบเพิ่มเติมได้ตามความต้องการของธุรกิจ
คุณสมบัติเด่นของ Odoo ERP
- โมดูลหลากหลาย
Odoo มีโมดูลครอบคลุมการดำเนินงานธุรกิจเกือบทุกด้าน เช่น:
- การจัดการขาย (Sales)
- การจัดการคลังสินค้า (Inventory)
- การจัดการบัญชี (Accounting)
- การบริหารทรัพยากรบุคคล (HR)
- การตลาด (Marketing)
- การผลิต (Manufacturing)
- เว็บไซต์และอีคอมเมิร์ซ (Website & eCommerce)
- ความยืดหยุ่น สามารถเลือกติดตั้งเฉพาะโมดูลที่ธุรกิจต้องการใช้งาน และเพิ่มโมดูลในภายหลังได้ตามความต้องการ
- การปรับแต่ง Odoo รองรับการปรับแต่งได้ง่ายทั้งในแง่ของหน้าตาการใช้งาน (User Interface) และฟังก์ชันการทำงาน เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจเฉพาะด้าน
- รองรับธุรกิจทุกขนาด Odoo เหมาะสำหรับธุรกิจตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ และสามารถรองรับการขยายตัวของธุรกิจได้
- ใช้งานผ่านเว็บและแอปพลิเคชัน ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง Odoo ได้จากเบราว์เซอร์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ ทำให้การจัดการธุรกิจสะดวกขึ้น
- อัปเดตและชุมชนผู้ใช้งานที่แข็งแกร่ง Odoo มีชุมชนผู้พัฒนาและผู้ใช้งานที่ใหญ่ทั่วโลก ซึ่งช่วยพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ และแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว
รุ่นของ Odoo
- Odoo Community Edition: เป็นรุ่นฟรีแบบโอเพ่นซอร์ส มีฟังก์ชันพื้นฐานเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง
- Odoo Enterprise Edition: เป็นรุ่นเชิงพาณิชย์ที่มีฟีเจอร์พิเศษเพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนทางเทคนิค, โมดูลพรีเมียม, และการโฮสต์บนคลาวด์
ประโยชน์ของการใช้ Odoo ERP
- ลดความซ้ำซ้อนและข้อผิดพลาดในกระบวนการธุรกิจ
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
- ลดค่าใช้จ่ายในการจัดการระบบที่แยกส่วนออกจากกัน
Odoo เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับธุรกิจที่ต้องการระบบ ERP ที่ครบวงจรและปรับแต่งได้ง่าย ในราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับระบบ ERP อื่น ๆ ในตลาด
Technology of Odoo ERP
ภาษาโปรแกรมที่ใช้ใน Odoo
- Python
- เป็นภาษาโปรแกรมหลักที่ใช้พัฒนา Backend ของ Odoo
- ใช้สำหรับการประมวลผลข้อมูล, การสร้างฟังก์ชันทางธุรกิจ และการจัดการการทำงานภายในระบบ
- JavaScript
- ใช้สำหรับ Frontend และส่วนที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เฟซผู้ใช้งาน (User Interface)
- ช่วยทำให้ระบบมีความโต้ตอบแบบไดนามิกและตอบสนองต่อผู้ใช้งานได้ดี
- XML
- ใช้ในการกำหนดโครงสร้างของหน้าจอ (UI Layout) และกำหนด Views ของระบบ เช่น Form View, List View
- ใช้สำหรับการตั้งค่ารูปแบบการแสดงผลและการจัดการข้อมูลในส่วนของโมดูล
- PostgreSQL
- เป็นระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System) ที่ Odoo ใช้เพื่อจัดเก็บข้อมูล
- PostgreSQL มีความเสถียรสูงและรองรับการประมวลผลข้อมูลปริมาณมาก
- QWeb
- เป็นเทมเพลตเอนจิน (Template Engine) ของ Odoo ใช้สำหรับการสร้างรายงานและส่วนแสดงผลต่าง ๆ
- ใช้ XML เป็นภาษาหลักในการออกแบบเทมเพลต
- CSS/LESS
- ใช้สำหรับการออกแบบหน้าตา (Styling) ของอินเทอร์เฟซ Odoo
- LESS ช่วยให้การเขียน CSS มีประสิทธิภาพและจัดการได้ง่ายขึ้น
ประวัติความเป็นมาของ Odoo
- ปี 2005
- Odoo เริ่มต้นโดย Fabien Pinckaers ภายใต้ชื่อโครงการว่า TinyERP
- เป้าหมายแรกเริ่มคือการพัฒนาระบบ ERP ที่มีขนาดเล็กและใช้งานง่ายสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง
- ปี 2010
- โครงการเปลี่ยนชื่อเป็น OpenERP
- เพิ่มฟีเจอร์และโมดูลใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว รวมถึงสร้างชุมชนผู้พัฒนาที่ใหญ่ขึ้น
- OpenERP ได้รับความนิยมในระดับสากลและเริ่มถูกใช้งานในองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก
- ปี 2014
- OpenERP เปลี่ยนชื่อเป็น Odoo (ย่อมาจาก "On Demand Open Object")
- ชื่อใหม่สะท้อนถึงการขยายขอบเขตของระบบที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะ ERP แต่รวมถึงโมดูลอื่น ๆ เช่น เว็บไซต์, อีคอมเมิร์ซ, และ CRM
- ปี 2015-ปัจจุบัน
- Odoo แบ่งออกเป็น 2 รุ่น:
- Odoo Community Edition: โอเพ่นซอร์สและใช้ฟรี
- Odoo Enterprise Edition: เพิ่มฟีเจอร์พิเศษและบริการสนับสนุนเชิงพาณิชย์
- บริษัทเริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีการเปิดสำนักงานในหลายประเทศ
- ระบบได้รับการอัปเดตและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมีโมดูลให้เลือกใช้งานมากกว่า 30 โมดูล
- Odoo แบ่งออกเป็น 2 รุ่น:
ความสำเร็จของ Odoo
- ปัจจุบัน Odoo มีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 7 ล้านคน
- มีชุมชนผู้พัฒนาและพันธมิตรกว่า 3,500 แห่ง
- มีการสนับสนุนในกว่า 120 ประเทศ และได้รับการแปลเป็นหลายภาษา
Odoo ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจที่มองหาระบบ ERP ที่ยืดหยุ่น ปรับแต่งได้ และมีชุมชนที่แข็งแกร่ง